16-12-2024
เทรนด์การก่อสร้างที่น่าจับตามอง ในปี 2025 เทรนด์การก่อสร้างในปัจจุบันไม่ได้เพียงแค่เน้นการพัฒนาโครงสร้างที่ทันสมัยและแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการนำพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกมาใช้เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน การก่อสร้างอย่างยั่งยืน (Sustainable Construction) ในปัจจุบัน แนวคิดการก่อสร้างอย่างยั่งยืน (Sustainable Construction) กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เนื่องจากสอดคล้องกับหลักการ ESG ที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น • การใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม • เทคนิคการลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง • การจัดการของเสียด้วยการคัดแยกและจัดการเศษวัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ แนวคิดนี้ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร เพื่อสร้างโครงสร้างที่ตอบสนองความต้องการของปัจจุบันโดยไม่กระทบต่อทรัพยากรในอนาคต เทคโนโลยีดิจิทัลในงานก่อสร้าง (Digital Technology in Construction) เทคโนโลยีดิจิทัลกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่เปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น • IoT (Internet of Things): อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเพื่อเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น การตรวจสอบความปลอดภัยในไซต์งาน • AI (Artificial Intelligence): ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย • ระบบ BIM กับการออกแบบโครงสร้างอย่างแม่นยำ: ช่วยออกแบบโครงสร้างและจัดการโครงการอย่างแม่นยำ ลดการสิ้นเปลืองวัสดุและข้อผิดพลาดในการก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี เช่น โดรนสำรวจพื้นที่แบบ 3 มิติ และ AR/VR สำหรับการออกแบบเสมือนจริง ซึ่งช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาการก่อสร้าง เพิ่มความปลอดภัย และช่วยในการตัดสินใจที่แม่นยำยิ่งขึ้น การใช้พลังงานสะอาด (Clean Energy) แนวโน้มการใช้พลังงานสะอาดในอุตสาหกรรมก่อสร้างกำลังเติบโต โดยเฉพาะในโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น • หลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Roofs) : ช่วยลดค่าใช้จ่ายพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก • พลังงานจากลม (Wind Energy) : ใช้พลังงานลมเพื่อลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล การใช้พลังงานสะอาดไม่เพียงลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยลดต้นทุนพลังงานและสร้างโครงสร้างที่ยั่งยืน ตอบโจทย์ความต้องการในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ การผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปในโรงงาน (Prefabrication) การผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปในโรงงานเป็นอีกหนึ่งเทรนด์สำคัญ โดยมีการออกแบบและผลิตองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ผนังสำเร็จรูป แผ่นพื้น เสา และหลังคา ในโรงงานที่มีการควบคุมคุณภาพ ก่อนนำไปประกอบในไซต์งานจริง วิธีนี้ช่วยเร่งความเร็วในการก่อสร้างและลดความยุ่งยากในไซต์งาน ปัจจุบัน SIW ก็ให้ความสำคัญกับเทรนด์การก่อสร้างที่สำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนำ AI มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การใช้พลังงานสะอาดอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power) หรือการสนับสนุนการก่อสร้างอย่างยั่งยืนผ่านการใช้วัตถุดิบรีไซเคิลจากเทคโนโลยี EAF นอกจากนี้ SIW ยังได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 4 (Green Industry Level 4) และกำลังดำเนินแผนสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 เพื่อสนับสนุนความยั่งยืนในทุกมิติของอุตสาหกรรมก่อสร้าง
08-06-2022
เมื่อพูดถึง “ไวร์เมช (Wire Mesh)” หลาย ๆ คนได้ยินชื่อนี้แล้ว อาจจะสงสัยว่ามันคืออะไร ซึ่งคนส่วนใหญ่จะเคยเห็นและรู้จักกันในภาพลักษณ์ที่เป็นตะแกรงเหล็ก แบบแผ่น หรือเป็นม้วนใหญ่ ๆ ตามไซต์งานก่อสร้างต่าง ๆ ไวร์เมช (Wire Mesh)หรือ ตะแกรงเหล็กไวร์เมช ที่เรามักได้ยินกันบ่อยๆนั้น รู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) คือ ตะแกรงเหล็กกล้าเชื่อมติดเสริมคอนกรีต ผลิตจากลวดเหล็กรีดเย็น (Cold Drawn Steel Wire) นำมา อาร์คเชื่อมติดกันด้วยไฟฟ้าทำให้จุดทุกจุดหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน มีขนาดเส้นลวดขนาดต่างๆตั้งแต่ 4 มม. - 12 มม. และระยะห่างของเส้นลวดหรือที่นิยมเรียกว่า @ มีหลายขนาด เช่น 10*10 ซม / 15*15 ซม. / 20*20 ซม. / 25*25 ซม. / 30* 30 ซม. 40*40 ซม. / 50*50 ซม. สามารถตัดเป็นแผงได้ตามความต้องการโดยไม่เสียเศษเหล็ก จะใช้แทนการผูกเหล็กเส้นธรรมดาทั่วไปเป็นอย่างดี ทำให้ประหยัดเวลา ประหยัดเงิน และแรงงานได้มากเหล็กเส้นผูก และมีความสม่ำเสมอของตะแกรงที่แน่นอน อีกทั้งยังช่วยยึดเกาะคอนกรีตไม่ให้แตกร้าวง่าย ไวร์เมช จึงเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการก่อสร้างนั่นเอง
30-09-2024
🔍 In an era where quality standards are the top priority in production, SIW Testing Service Center is here to help your business confidently overcome any concerns about product quality.** We offer comprehensive testing services using the latest and most advanced testing technologies.✅ Precision : With internationally certified testing equipment and a team of professionals, you can trust that the results are accurate and reliable.✅ Trustworthiness : Our team of experts, with over 30 years of experience, is ready to provide top-quality testing services that meet global standards.💡 Why choose us?Because we understand that product quality is the key to your business success. SIW is dedicated to providing a full range of quality testing services to meet the needs of every business.If you're looking for a reliable partner for product testing, “SIW Testing Service Center”is the answer you've been searching for.
16-08-2024
เปิดแล้ววันนี้!! บริการทดสอบคุณภาพลวดเหล็กอัดแรงจาก SIW-Testing Service Center เหมาะสำหรับผู้ผลิตหรือผู้ใช้งานลวดเหล็ก PC Wire และ PC Strand ที่ต้องการผลทดสอบคุณภาพสินค้าตามมาตรฐานต่างๆ ด้วยห้องแล็บจาก SIW ที่มีความเชียวชาญด้านการทดสอบคุณภาพลวดเหล็กอัดแรงกว่า 30 ปี สะดวก รวดเร็ว ประหยัด ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025 จาก NATA (National Association of Testing Authorities, Australia) รายงานผลละเอียด ชัดเจน สอบกลับได้ทุกขั้นตอน พร้อมการวิเคราะห์และข้อเสนอแนะในการปรับปรุง อุปกรณ์ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูง ความแม่นยำมากกว่า 99.95% ปรับแต่งการทดสอบได้ยืดหยุ่น ตามความต้องการของลูกค้า รวมถึงการทดสอบที่เฉพาะเจาะจง ข้อมูลบริการ: 1. Fatigue Testing Machine (เครื่องทดสอบความล้า) - แบรนด์: Zwick Roell รุ่น HA500 - รองรับมาตรฐานการทดสอบ: AS/NZS 4672.1, AS/NZS 4672.2, BS 5896, LNEC E 542, LNEC E 453, ISO 15630 Part 3, TIS 95-2540, TIS 420-2540 - PC Wire: รับน้ำหนักสูงสุด 500 kN, รองรับตัวอย่างขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 – 22 มม. - PC Strand: รับน้ำหนักสูงสุด 500 kN, รองรับตัวอย่างขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 – 22 มม. - Deformed Bar: รับน้ำหนักสูงสุด 500 kN, รองรับตัวอย่างขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5 – 40 มม. 2. Relaxation Testing Machine (เครื่องทดสอบความผ่อนคลาย) - รองรับมาตรฐานการทดสอบ: AS/NZS 4672.1, AS/NZS 4672.2, ASTM A416/A416M, ASTM A421/A421M, ASTM A881, BS 5896, ISO 15630-3, JIS G3536, TIS 95-2540, TIS 420-2540 - PC Wire: รับน้ำหนักสูงสุด 300 kN, รองรับตัวอย่างขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 4 – 9 มม. - PC Strand: รับน้ำหนักสูงสุด 500 kN, รองรับตัวอย่างขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 9.3 – 18.0 มม. อัตราค่าบริการทดสอบลวดโดย Testing Service Center ทำไม? ต้องเลือก SIW - Testing Service Center สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: >>คลิ๊ก<<
20-01-2025
“5 อันดับบริการทดสอบลวดจาก SIW - Testing Service Center” ด้วยอุปกรณ์ทันสมัย มีประสิทธิภาพสูง ความแม่นยำมากกว่า 99.95% และได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO/IEC 17025 จาก NATA (National Association of Testing Authorities, Australia) ข้อมูลบริการ Tensile Testing Machine (เครื่องทดสอบแรงดึงวัสดุ) : บริการวัดความสามารถของลวดเหล็กในการรับแรงดึง โดยใช้ video extensometer เพื่อวัดค่า Yield, Modulus และ Agt Fatigue Testing Machine (เครื่องทดสอบความล้า) : รับน้ำหนักสูงสุด 500 kN, มีบริการถ่ายภาพรอยแตก ระบุจุดกำเนิดของรอยแตก (Origin Crack) และวิเคราะห์สาเหตุการขาดเบื้องต้น, มี Control Cube สำหรับการใช้งานหลายแกน และมีระบบ Vibrophore สำหรับตรวจจับการเกิดขึ้นและการขยายตัวของรอยแตก Relaxation Testing Machine (เครื่องทดสอบความผ่อนคลาย) : บริการทดสอบความผ่อนคลายของลวดเหล็ก โดยใช้ extensometer สำหรับตรวจสอบการยืดตัวของชิ้นงานทดสอบ Salt Spray Testing Machine (เครื่องจำลองสภาวะการกัดกร่อนด้วยการพ่นละอองเกลือบนลวดเหล็ก) : มีการรองรับมาตรฐานการทดสอบ ถึง 27 มาตรฐาน และมีฟังก์ชันเร่งการกัดกร่อน (Prohesion Function) Chemical Analysis (เครื่องตรวจสอบส่วนประกอบทางเคมีของลวดเหล็ก) : จำนวนธาตุที่ทดสอบให้ลูกค้า มากกว่า 20 ธาตุ, มีระบบการปรับเทียบ (Re-Calibration) อัตโนมัติ, มีฟังก์ชันการยิงตามประเภทของโลหะเพื่อความแม่นยำ และบริการระบุประเภทของโลหะตามความต้องการของลูกค้า สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ SIW - Testing Service Center Tel: +66 81 170 2571 Email: marketing@siw.co.th LineID: @siwthailand
02-01-2025
PC Wire (Prestressed Concrete Wire) เป็นลวดเหล็กกล้าที่มีความแข็งแรงสูง ผลิตขึ้นตามมาตรฐานเพื่อใช้งานในงานก่อสร้างที่ต้องการเสริมความแข็งแรงให้กับโครงสร้างคอนกรีต โดย "Prestressed" หมายถึง การให้แรงดึงกับลวดเหล็กก่อนที่จะเทคอนกรีตรอบ ๆ เพื่อให้คอนกรีตสามารถรับแรงดึงได้ดีขึ้น และช่วยป้องกันการแตกร้าวของโครงสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาตรฐานอุตสาหกรรมของไทย (มอก.) สำหรับ PC Wireในประเทศไทย การผลิตและใช้งาน PC Wire ต้องปฏิบัติตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หรือ มอก. โดยเฉพาะ มอก. 95-2540 ซึ่งระบุข้อกำหนดต่าง ๆ เช่น คุณสมบัติของวัสดุ: PC Wire ต้องผลิตจากเหล็กกล้าคาร์บอนสูงที่ผ่านการอบชุบความร้อนและดึงเย็น เพื่อให้มีค่าความแข็งแรงและความทนทานที่เหมาะสม ขนาดและความคลาดเคลื่อน: กำหนดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของลวดเหล็กและความคลาดเคลื่อนที่ยอมรับได้ คุณสมบัติเชิงกล: เช่น ค่าความต้านทานแรงดึง (Tensile Strength) และค่าความยืดตัว (Elongation) ที่ต้องเป็นไปตามมาตรฐาน กระบวนการทดสอบ: ลวดเหล็กต้องผ่านการทดสอบต่าง ๆ เช่น การทดสอบแรงดึง การทดสอบความแข็งแรง และการตรวจสอบผิววัสดุ การปฏิบัติตามมาตรฐาน มอก. ไม่เพียงช่วยให้โครงสร้างมีความปลอดภัย แต่ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานในด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ข้อดีของ PC Wire : ความแข็งแรงสูง: PC Wire มีค่ากำลังรับแรงดึงสูงกว่าเหล็กทั่วไป ทำให้สามารถใช้งานในโครงสร้างที่ต้องการความทนทานสูงได้ ลดน้ำหนักโครงสร้าง: ด้วยคุณสมบัติที่สามารถรับแรงดึงได้สูง จึงช่วยลดปริมาณวัสดุที่ต้องใช้ในโครงสร้างได้ อายุการใช้งานยาวนาน: การเสริมกำลังด้วย PC Wire ช่วยลดโอกาสที่โครงสร้างจะเกิดการแตกร้าวและเสื่อมสภาพเร็ว มาตรฐานที่รองรับ: การผลิตตามมาตรฐาน มอก. ช่วยเพิ่มความมั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย การนำ PC Wire ไปใช้งาน : สะพานและทางยกระดับ: ใช้เสริมแรงในคานสะพานเพื่อเพิ่มความแข็งแรงและลดโอกาสการแตกร้าว แผ่นพื้นสำเร็จรูป: ใช้ในแผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับอาคารสูงเพื่อเพิ่มความสามารถในการรับน้ำหนัก เสาเข็มและกำแพงกันดิน: ใช้ในโครงสร้างที่ต้องการรองรับแรงดันดินหรือแรงน้ำ งานก่อสร้างโครงสร้างสำคัญ: เช่น สนามกีฬา อาคารขนาดใหญ่ หรือโครงสร้างใต้ดินที่ต้องการความมั่นคงสูง PC Wire จึงเป็นวัสดุที่ขาดไม่ได้ในงานก่อสร้างยุคใหม่ โดยเฉพาะโครงการที่เน้นความแข็งแรง ทนทาน และสอดคล้องตามมาตรฐานอุตสาหกรรมที่กำหนด สั่งซื้อ PC Wire ได้จากที่ไหน? SIW คือผู้ผลิตและจำหน่าย PC Wire ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 50 ปี ผ่านการรับรองมาตรฐาน มอก. 95-2540 และมาตรฐานสากลอีกกว่า 70+ ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากการรับรอง Environmental Product Declaration (EPD) https://www.siw.co.th/th/product-detail/pc-wire
08-06-2022
เรามาทำความรู้จักกับลวดเหล็กสปริง กันดีกว่ามีกี่ชนิด ลวดสปริงสามรถแบ่งออกเป็นชนิดต่าง ๆ ดังนี้ 1. Hard Drawn Steel Wire - (JIS G 3521) ลวดเหล็กที่ผลิตภายใต้กระบวนการรีดเย็น โดยใช้เหล็กลวดที่มีส่วนผสมของคาร์บอนสูง ที่เหมาะกับการใช้ผลิตในหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดย Hard Drawn Wire แบ่งเป็น 3 เกรด คือ SWA SWB และ SWC แต่ละเกรดมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประเภทการใช้งาน 2. Piano Wire - ลวดเปียโน (JIS G 3522) ลวดเปียโนผลิตจากกระบวนการรีดเย็น โดยใช้ลวดเหล็กที่มีส่วนผสมคาร์บอน ด้วยคุณภาพที่ดีนี้ ลวดเปียโนจึงนำมาใช้ในการผลิตสปริงที่มีคุณภาพสูงเป็นพิเศษ เช่น สปริงในอุตสาหกรรมยานยนต์ โช๊ค เครื่องยนต์ อาทิ สปริงวาวล์ สปริงเบรค สปริงคลัชท์ หรือ เครื่องใช้ไฟฟ้าบางประเภท เป็นต้น ซึ่งลวดเปียโนสามารถแบ่งเกรดเป็น SWPA, SWPB และ SWPV โดยแต่ละเกรดมีความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามประเภทงาน
เรามุ่งมั่นที่จะเป็นเลิศในด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง และเรายังมุ่งเน้นบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์พิเศษเหนือความคาดหมาย