08-06-2022
SIW ทำธุรกิจด้วยหลัก ESG ที่พาองค์กรเติบโตและยั่งยืน มีการดำเนินการในด้าน Environment, Social and Governance (ESG) ตลอดระยะเวลาการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ การดำเนินกิจกรรมด้านสังคม Social เพื่อแสดงความมุ่งมั่นเรื่องความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอกองค์กรโดยบริษัทได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 45001, TIS 18001, มรท 8001 และ CSR-DIW ตลอดถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมและการปรึกษาหารือของพนักงานและชุมชน มีการดำเนินงานการการให้ปรับปรุง-เสริมสร้างความตระหนักความปลอดภัยแก่พนักงาน การให้ความรู้ให้แนวทางการดำเนินธุรกิจกับผู้ประกอบการและชุมชน การบริจาคให้กับการสร้างห้องสมุด การมอบทุนการศึกษาให้กับสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับบริษัท การสร้างกิจกรรมสำนึกบ้านเกิดของพนักงาน ในด้านสิ่งแวดล้อม Environment บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 14001, ISO 50001, Product carbon footprint label และ Environmental Product Declarations (EPD) โดยในทุกปีบริษัทมีการจัดทำมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม มาตรการอนุรักษ์พลังงาน มาตรการ Low Emission Support Scheme (LESS) เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ ตลอดถึงมุ่งมั่นการลดภาวะโลกร้อนอันเกิดจากก๊าซเรือนกระจก สำหรับในด้านสิ่งแวดล้อมนี้บริษัทอยู่ระหว่างขยายความสามารถดำเนินโครงการ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) ในด้านธรรมาภิบาล Governance บริษัทได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001, ISO/IEC 17025, NATA-ISO/IEC 17025 และมาตรฐาน Product certificate จากแต่ละประเทศมากกว่า 25 มาตรฐานการรับรองผลิตภัณฑ์ อาทิ TIS, UK CARES, DCL, ASTM, JIS, MS, NZ และ AS เป็นต้น เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า คู่ค้า และหน่วยงานราชการ ว่าบริษัทสามารถผลิตสินค้าและให้บริการอย่างมีคุณภาพสอดคล้องมาตรฐานสากล ส่งผลให้บริษัทได้รับความไว้วางใจกับคู่ค้ามากกว่า 50 ประเทศจากทั่วโลก และบริษัทมีการดำเนินโปรแกรมการพัฒนาความรู้ ความสามารถของพนักงานอย่างเป็นรูปธรรมและเป็นระบบผ่านกระบวนการ QCC ซึ่งในทุกปีพนักงานของบริษัทที่ผ่านการพัฒนาความรู้ QCC นี้ สามารถส่งผลงานเข้าประกวดนำเสนอผลงานในระดับประเทศ และนานาชาติ แล้วสามารถได้รับรางวัลระดับ Gold ได้ทุกปี เป็นที่ภาคภูมิใจของพนักงาน ครอบครัวของพนักงาน และองค์กร
08-06-2022
เหล็กกล้าที่มีส่วนผสมของธาตุคาร์บอนเป็นธาตุหลัก แบ่ง เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1. เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนไม่เกิน 0.25% นอกจากคาร์บอนแล้ว ยังมีธาตุอื่นผสม- อยู่ด้วย เช่น แมงกานีส ซิลิคอน ฟอสฟอรัส และกำมะถัน แต่มีปริมาณน้อยเนื่องจาก หลงเหลือมาจากกระบวนการผลิต เหล็กประเภทนี้ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรม และใน ชีวิตประจำวันไม่ต่ำกว่า 90% เนื่องจากขึ้นรูปง่าย เชื่อมง่าย และราคาไม่แพง โดยเฉพาะเหล็กแผ่นมีการนำมาใช้งานอย่างกว้างขวาง เช่น ตัวถังรถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ต่างๆ กระป๋องบรรจุอาหาร สังกะสีมุงหลังคา เครื่องใช้ในครัวเรือน และในสำนักงาน 2. เหล็กกล้าคาร์บอนปานกลาง (Medium Carbon Steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอน 0.2-0.5% มีความแข็งแรงและความเค้นแรงดึงมากกว่า เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ แต่จะมีความเหนียวน้อยกว่า สามารถนำไปชุบแข็งได้ เหมาะกับ งานทำชิ้นส่วนเครื่องจักรกล รางรถไฟ เฟือง ก้านสูบ ท่อเหล็ก ไขควง เป็นต้น 3. เหล็กกล้าคาร์บอนสูง (High Carbon Steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอน 0.5 - 1.5% มีความแข็งความแข็งแรงและความเค้น- แรงดึงสูง เมื่อชุบแข็งแล้วจะเปราะ เหมาะสำหรับงานที่ทนต่อการสึกหรอ ใช้ในการทำ เครื่องมือ สปริงแหนบ ลูกปืน เป็นต้น สินค้าที่ สยามลวดสามารถผลิตได้นั้น มีเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ หรือ (Low Carbon Steel) 1.ลวดเหล็กคาร์บอนต่ำ หรือที่เรียกว่า (Cold drawn) คือเหล็กที่ผลิตมาจากเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Wire Rods) โดยผ่านกระบวนการนำเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำมา รีดลดขนาดโดยการรีดเย็น จนเป็นผลิตภัณฑ์ลวดเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ มักใช้กับงานผูกเหล็ก ตะปู ตาข่าย และ ทำปลอกเสาเข็ม และสยามลวด นั้นสามารถผลิตได้ตั้งแต่ขนาด 6-12 mm. น้ำหนักต่อม้วนตั้งแต่ 250 kg - 2500 kg 2.เหล็กกล้าคาร์บอนสูง (High Carbon Steel) ที่เรียกว่า ลวดเหล็กกล้าดึงเย็นเสริมคอนกรีตอัดแรง หรือ PC WIRE , PC STRAND นั่นเอง มักใช้กับงานแผ่นพิ้น เสาเข็ม เสาไฟฟ้า หมอนรองรางรถไฟ และคานสะพาน เป็นต้น และสามารถผลิต PC WIRE ได้ตั้งแต่ขนาด 4-9 mm. และ PC STRAND ขนาด 9.3 , 9.5 , 12.7 และ 15.2 mm.
16-12-2024
เทรนด์การก่อสร้างที่น่าจับตามอง ในปี 2025 เทรนด์การก่อสร้างในปัจจุบันไม่ได้เพียงแค่เน้นการพัฒนาโครงสร้างที่ทันสมัยและแข็งแรงเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการนำพลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือกมาใช้เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน การก่อสร้างอย่างยั่งยืน (Sustainable Construction) ในปัจจุบัน แนวคิดการก่อสร้างอย่างยั่งยืน (Sustainable Construction) กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในอุตสาหกรรมก่อสร้าง เนื่องจากสอดคล้องกับหลักการ ESG ที่มุ่งเน้นการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น • การใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม • เทคนิคการลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมก่อสร้าง • การจัดการของเสียด้วยการคัดแยกและจัดการเศษวัสดุอย่างมีประสิทธิภาพ แนวคิดนี้ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากร เพื่อสร้างโครงสร้างที่ตอบสนองความต้องการของปัจจุบันโดยไม่กระทบต่อทรัพยากรในอนาคต เทคโนโลยีดิจิทัลในงานก่อสร้าง (Digital Technology in Construction) เทคโนโลยีดิจิทัลกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่เปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานในอุตสาหกรรมก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น ตัวอย่างเช่น • IoT (Internet of Things): อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อเพื่อเก็บข้อมูลแบบเรียลไทม์ เช่น การตรวจสอบความปลอดภัยในไซต์งาน • AI (Artificial Intelligence): ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ เช่น การประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย • ระบบ BIM กับการออกแบบโครงสร้างอย่างแม่นยำ: ช่วยออกแบบโครงสร้างและจัดการโครงการอย่างแม่นยำ ลดการสิ้นเปลืองวัสดุและข้อผิดพลาดในการก่อสร้าง นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี เช่น โดรนสำรวจพื้นที่แบบ 3 มิติ และ AR/VR สำหรับการออกแบบเสมือนจริง ซึ่งช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาการก่อสร้าง เพิ่มความปลอดภัย และช่วยในการตัดสินใจที่แม่นยำยิ่งขึ้น การใช้พลังงานสะอาด (Clean Energy) แนวโน้มการใช้พลังงานสะอาดในอุตสาหกรรมก่อสร้างกำลังเติบโต โดยเฉพาะในโครงการขนาดใหญ่ที่ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น • หลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Roofs) : ช่วยลดค่าใช้จ่ายพลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก • พลังงานจากลม (Wind Energy) : ใช้พลังงานลมเพื่อลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล การใช้พลังงานสะอาดไม่เพียงลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยลดต้นทุนพลังงานและสร้างโครงสร้างที่ยั่งยืน ตอบโจทย์ความต้องการในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ การผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปในโรงงาน (Prefabrication) การผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปในโรงงานเป็นอีกหนึ่งเทรนด์สำคัญ โดยมีการออกแบบและผลิตองค์ประกอบต่าง ๆ เช่น ผนังสำเร็จรูป แผ่นพื้น เสา และหลังคา ในโรงงานที่มีการควบคุมคุณภาพ ก่อนนำไปประกอบในไซต์งานจริง วิธีนี้ช่วยเร่งความเร็วในการก่อสร้างและลดความยุ่งยากในไซต์งาน ปัจจุบัน SIW ก็ให้ความสำคัญกับเทรนด์การก่อสร้างที่สำคัญมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนำ AI มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน การใช้พลังงานสะอาดอย่างพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Power) หรือการสนับสนุนการก่อสร้างอย่างยั่งยืนผ่านการใช้วัตถุดิบรีไซเคิลจากเทคโนโลยี EAF นอกจากนี้ SIW ยังได้รับการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 4 (Green Industry Level 4) และกำลังดำเนินแผนสู่เป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 เพื่อสนับสนุนความยั่งยืนในทุกมิติของอุตสาหกรรมก่อสร้าง
04-12-2024
พื้นถนนคอนกรีต vs ถนนลาดยาง: เลือกแบบไหนดีกว่ากัน? การเลือกวัสดุสำหรับการก่อสร้างถนนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ อายุการใช้งาน และต้นทุนโดยรวม ทั้งพื้นถนนคอนกรีตและถนนลาดยางเป็นสองตัวเลือกหลักที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับการใช้งาน ถนนลาดยาง ถนนลาดยางมีความยืดหยุ่นและให้พื้นผิวเรียบลื่นมากกว่า แต่มีความอ่อนไหวต่อสภาพภูมิอากาศ เช่น อุณหภูมิสูงหรือฝนตกหนัก ซึ่งส่งผลให้เสื่อมสภาพเร็วกว่า มีอายุการใช้งานเฉลี่ยประมาณ 10-15 ปี ถนนลาดยางเหมาะสำหรับพื้นที่ทั่วไปและโครงการขนาดเล็ก ข้อดี • ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างต่ำกว่า • ก่อสร้างได้รวดเร็ว ใช้งานได้ทันทีหลังลาดยางเสร็จ • ซ่อมบำรุงง่ายและรวดเร็ว โดยใช้เทคนิค Re-surface (การปูผิวถนนใหม่) ข้อเสีย • เสื่อมสภาพเร็วกว่าคอนกรีต โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือน้ำท่วม • ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสูง เนื่องจากต้องซ่อมแซมบ่อย ถนนคอนกรีต ถนนคอนกรีตเป็นโครงสร้างที่ประกอบด้วยปูนซีเมนต์ หิน ทราย และเหล็กเสริม เช่น Wire Mesh ซึ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงและทนทาน อายุการใช้งานเฉลี่ย 20-40 ปี เหมาะสำหรับโครงการขนาดใหญ่และถนนที่ต้องรับน้ำหนักมาก เช่น ทางหลวง สะพาน หรือโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ข้อดี • ความแข็งแรงและทนทานสูง รองรับน้ำหนักบรรทุกหนักได้ดี • พื้นผิวเสถียร มีความเรียบและลดการทรุดตัว • คุ้มค่าในระยะยาว มีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาต่ำ เพราะมีความทนทานต่อการใช้งานระยะยาว ข้อเสีย • ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูงกว่า • ใช้เวลาในการก่อสร้างนาน เนื่องจากต้องรอให้คอนกรีตเซ็ตตัวและแข็งแรงก่อนเปิดใช้งาน • ซ่อมบำรุงยาก เนื่องจากการซ่อมแซมคอนกรีตมีความซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูง การเลือกวัสดุระหว่างถนนคอนกรีตหรือถนนลาดยางนั้น ควรพิจารณาปัจจัยหลายอย่าง ทั้งจากลักษณะการใช้งาน งบประมาณ และสภาพแวดล้อมของพื้นที่ เพื่อให้ถนนตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างเหมาะสม และทางสยามลวดเองก็มีตะแกรงเหล็ก Wire Mesh คุณภาพสูงที่เหมาะสำหรับการทำพื้นคอนกรีต ผลิตตามมาตรฐานอุตสาหกรรมไทย (มอก.) โดยได้รับการรับรอง มอก. 737 สำหรับแบบธรรมดา และ มอก. 926 สำหรับแบบข้ออ้อย/ยาง Wire Mesh : https://www.siw.co.th/th/product-detail/wire-mesh
28-11-2024
คุ้มค่าจริงไหม? บริการทดสอบลวดจาก SIW - Testing Service Center ในโลกของอุตสาหกรรมลวด การทดสอบคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ผลิตหรือผู้ใช้งานลวด การตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์เพื่อให้มั่นใจว่าได้มาตรฐานและตรงตามความต้องการนั้นส่งผลโดยตรงต่อความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของสินค้า เปรียบเทียบบริการทดสอบลวด SIW กับแหล่งทดสอบทั่วไป 1. ความแม่นยำและเทคโนโลยี SIW - Testing Service Center: ใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีระดับสากลที่ทันสมัยที่สุด พร้อมผ่านการรับรองมาตรฐานระดับโลก เช่น ISO/IEC 17025 แหล่งทดสอบทั่วไป: อาจมีเครื่องมือพื้นฐานซึ่งไม่ได้อัปเดตหรือผ่านการรับรองในระดับเดียวกัน 2. ทีมผู้เชี่ยวชาญ SIW: ทีมวิศวกรและนักวิทยาศาสตร์ผู้มีประสบการณ์สูง ช่วยวิเคราะห์ผลลัพธ์และให้คำแนะนำเชิงลึก แหล่งทดสอบทั่วไป: อาจมีผู้เชี่ยวชาญในระดับทั่วไป ซึ่งอาจไม่ได้ให้คำปรึกษาเฉพาะทางในรายละเอียด 3. ความน่าเชื่อถือของผลทดสอบ SIW: ผลลัพธ์ที่ได้รับการยอมรับในอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศ เหมาะสำหรับการส่งออกและสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ทั่วไป: ผลลัพธ์อาจเหมาะสำหรับการใช้งานภายในประเทศหรือการทดสอบเบื้องต้นเท่านั้น 4. ความหลากหลายของการทดสอบ SIW: ให้บริการครอบคลุมการทดสอบแรงดึง, ความเหนียว, การกัดกร่อน, และคุณสมบัติอื่น ๆ ที่สำคัญ ทั่วไป: อาจจำกัดเฉพาะการทดสอบพื้นฐานเท่านั้น 5. ความคุ้มค่าในระยะยาว SIW: ช่วยลดความเสี่ยงจากการส่งมอบสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ลดต้นทุนในระยะยาวจากความเสียหายหรือข้อร้องเรียน ทั่วไป: อาจประหยัดในระยะสั้น แต่เพิ่มความเสี่ยงในระยะยาว สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ SIW - Testing Service Center วันนี้! Tel: 081-170-2571 Email: marketing@siw.co.th LineID: @siwthailand
15-01-2025
ผู้นำ Gen Y บทบาทที่เปลี่ยนแปลงอนาคตองค์กร คุณณพิชเศรษฐ์ ไชยนาพงศ์ ผู้จัดการแผนกวางแผนความต้องการขายและตลาด ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ “การที่ผมเติบโตมาในช่วงกลางของ Gen Y ทำให้ผมได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยี จากยุคอนาล็อกเข้าสู่ดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ในปัจจุบัน ประสบการณ์นี้หล่อหลอมวิธีคิด และเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำงานของผมมาจนถึงวันนี้ ในมุมมองของผม การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่มันคือสิ่งจำเป็น ผมจำได้ดีว่าช่วงแรกที่เข้ามาทำงานที่ SIW เราใช้เอกสารกระดาษเป็นหลัก จนบางครั้งเอกสารกองจนแทบไม่มีที่เก็บ แต่ในวันนี้ เราเห็นความแตกต่างไปอย่างมาก เอกสารหลายตัวไม่จำเป็นต้องพิมเป็นกระดาษอีกต่อไป และถูกนำเข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติเพื่อหาความต้องการตลาด รวมไปถึงศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ผลลัพธ์คือการตัดสินใจที่แม่นยำและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น อีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรงและสำคัญไม่แพ้กันคือ “ความยั่งยืน” ซึ่งในมุมมองของผม มันไม่ได้เป็นเพียงคำพูดสวยหรู แต่คือความรับผิดชอบระดับสากลที่ทุกองค์กรควรให้ความสำคัญ SIW ได้พัฒนากลยุทธ์ด้านความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การควบคุมปริมาณการปล่อยคาร์บอน การริเริ่มโครงการ “วันไร่ฟาร์ม” และการจัดกิจกรรม CSR ที่สร้างความร่วมมือกับชุมชน เราคิดมาเสมอว่าเราต้องเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบต่อชุมชนและโลกของเราด้วย ในฐานะคน Gen Y ผมมองว่า SIW เรามีข้อได้เปรียบจาก Genaration Gap กล่าวคือ เรามีไอเดียที่สดใหม่จากน้องๆ ในทีม และได้รับประสบการณ์อันล้ำค่าจากพี่ๆ ความสำเร็จขององค์กรไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือการผสานพลังของทุกเจเนอเรชันเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆโดยไม่ลืมสิ่งเก่าๆ และพัฒนาต่อไปอย่างยั่งยืน ท้ายที่สุด ผมเชื่อว่า การทำงานในยุคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ต้องอาศัยทั้งความยืดหยุ่น การเปิดใจรับฟัง และความร่วมมือจากทุกฝ่าย ด้วยความมุ่งมั่นของพวกเราทุกคน ผมมั่นใจว่า SIW จะสามารถก้าวผ่านทุกความท้าทาย และเติบโตอย่างมั่นคงในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”
08-06-2022
ผ่นพื้นสำเร็จรูปแบบกลวง หรือ (HOLLOW CORE) คือระบบแผ่นพื้นคอนกรีตอัดแรงแบบกลวง ผลิตจากคอนกรีตแห้งหรือ NO SLUMP CONCRETEที่มีกำลังอัดสูงถึง 350 กก/ตร.ซม. เสริมด้วยลวดเหล็กแรงดึงสูง ( PC WIRE ) หรือ ลวดเหล็กกล้าตีเกลียว ( PC STRAND ) สามารถผลิตความหนาได้ตั้งแต่ 6 ซม. ไปจนถึง 30 ซม. แผ่นพื้นสำเร็จรูปแบบกลวง (HOLLOW CORE) เหมาะสำหรับงานก่อสร้างอาคารประเภทต่างๆ เช่น อาคารพักอาศัย อาคารสำนักงาน ,โรงงานอุตสาหกรรม และห้างสรรพสินค้าโดยที่มี ความสามารถในการรับน้ำหนักบรรทุกปลอดภัยและ มีขนาดความกว้างและหนาให้เลือก ตามความเหมาะสมของการใช้งาน ส่วนความยาวนั้นสามารถผลิตได้ตามความต้องการ ที่จะนำไปใช้งาน สำหรับข้อดีที่เป็นจุดเด่นเลยของการใช้งานแผ่นพื้นสำเร็จรูปแบบกลวง (HOLLOW CORE) ก็คือ 1.น้ำหนักเบาช่วยประหยัดโครงสร้าง เช่น เสา, คาน , ฐานราก 2.แข็งแรง เพราะผลิตจากคอนกรีตกำลังอัดสูงทำให้แผ่นพื้น มีความทนทาน และคุณภาพสูง 3.รวดเร็วผลิตสำเร็จจากโรงงานลดเวลางานในการผูกเหล็กได้ 4.ประหยัด สะดวกไม่ต้องใช้ค้ำยันชั่วคราว และสิ่งที่จะขาดไม่ได้ และเป็นหัวใจสำคัญในการผลิต แผ่นพื้นสำเร็จรูปแบบกลวง (HOLLOW CORE) ที่จะทำให้ มีความแข็งแรงมากขึ้นนั้น จำเป็นต้องมี ลวดเหล็กกล้าเสริมคอนกรีตอัดแรง PC WIRE , PC STRAND ที่ใช้ในการผลิตแผ่นพื้นสำเร็จรูปแบบกลวง (HOLLOW CORE) และทางสยามลวดเอง ก็มีสินค้า PC WIRE และ PC STRAND ที่มีมาตรฐาน มอก.95-2540 และ 420-2540 ที่ได้รับความไว้วางใจ และเป็นที่ยอมรับมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
เรามุ่งมั่นที่จะเป็นเลิศในด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง และเรายังมุ่งเน้นบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์พิเศษเหนือความคาดหมาย