เมื่อพูดถึง “ไวร์เมช (Wire Mesh)” หลาย ๆ คนได้ยินชื่อนี้แล้ว อาจจะสงสัยว่ามันคืออะไร ซึ่งคนส่วนใหญ่จะเคยเห็นและรู้จักกันในภาพลักษณ์ที่เป็นตะแกรงเหล็ก แบบแผ่น หรือเป็นม้วนใหญ่ ๆ ตามไซต์งานก่อสร้างต่าง ๆ ไวร์เมช (Wire Mesh)หรือ ตะแกรงเหล็กไวร์เมช ที่เรามักได้ยินกันบ่อยๆนั้น รู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร ตะแกรงเหล็กไวร์เมช (Wire Mesh) คือ ตะแกรงเหล็กกล้าเชื่อมติดเสริมคอนกรีต ผลิตจากลวดเหล็กรีดเย็น (Cold Drawn Steel Wire) นำมา อาร์คเชื่อมติดกันด้วยไฟฟ้าทำให้จุดทุกจุดหลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกัน มีขนาดเส้นลวดขนาดต่างๆตั้งแต่ 4 มม. - 12 มม. และระยะห่างของเส้นลวดหรือที่นิยมเรียกว่า @ มีหลายขนาด เช่น 10*10 ซม / 15*15 ซม. / 20*20 ซม. / 25*25 ซม. / 30* 30 ซม. 40*40 ซม. / 50*50 ซม. สามารถตัดเป็นแผงได้ตามความต้องการโดยไม่เสียเศษเหล็ก จะใช้แทนการผูกเหล็กเส้นธรรมดาทั่วไปเป็นอย่างดี ทำให้ประหยัดเวลา ประหยัดเงิน และแรงงานได้มากเหล็กเส้นผูก และมีความสม่ำเสมอของตะแกรงที่แน่นอน อีกทั้งยังช่วยยึดเกาะคอนกรีตไม่ให้แตกร้าวง่าย ไวร์เมช จึงเป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมการก่อสร้างนั่นเอง
08-06-2022
เหล็กกล้าที่มีส่วนผสมของธาตุคาร์บอนเป็นธาตุหลัก แบ่ง เป็น 3 ประเภท ดังนี้ 1. เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนไม่เกิน 0.25% นอกจากคาร์บอนแล้ว ยังมีธาตุอื่นผสม- อยู่ด้วย เช่น แมงกานีส ซิลิคอน ฟอสฟอรัส และกำมะถัน แต่มีปริมาณน้อยเนื่องจาก หลงเหลือมาจากกระบวนการผลิต เหล็กประเภทนี้ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรม และใน ชีวิตประจำวันไม่ต่ำกว่า 90% เนื่องจากขึ้นรูปง่าย เชื่อมง่าย และราคาไม่แพง โดยเฉพาะเหล็กแผ่นมีการนำมาใช้งานอย่างกว้างขวาง เช่น ตัวถังรถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ต่างๆ กระป๋องบรรจุอาหาร สังกะสีมุงหลังคา เครื่องใช้ในครัวเรือน และในสำนักงาน 2. เหล็กกล้าคาร์บอนปานกลาง (Medium Carbon Steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอน 0.2-0.5% มีความแข็งแรงและความเค้นแรงดึงมากกว่า เหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ แต่จะมีความเหนียวน้อยกว่า สามารถนำไปชุบแข็งได้ เหมาะกับ งานทำชิ้นส่วนเครื่องจักรกล รางรถไฟ เฟือง ก้านสูบ ท่อเหล็ก ไขควง เป็นต้น 3. เหล็กกล้าคาร์บอนสูง (High Carbon Steel) เป็นเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอน 0.5 - 1.5% มีความแข็งความแข็งแรงและความเค้น- แรงดึงสูง เมื่อชุบแข็งแล้วจะเปราะ เหมาะสำหรับงานที่ทนต่อการสึกหรอ ใช้ในการทำ เครื่องมือ สปริงแหนบ ลูกปืน เป็นต้น สินค้าที่ สยามลวดสามารถผลิตได้นั้น มีเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ หรือ (Low Carbon Steel) 1.ลวดเหล็กคาร์บอนต่ำ หรือที่เรียกว่า (Cold drawn) คือเหล็กที่ผลิตมาจากเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Wire Rods) โดยผ่านกระบวนการนำเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำมา รีดลดขนาดโดยการรีดเย็น จนเป็นผลิตภัณฑ์ลวดเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ มักใช้กับงานผูกเหล็ก ตะปู ตาข่าย และ ทำปลอกเสาเข็ม และสยามลวด นั้นสามารถผลิตได้ตั้งแต่ขนาด 6-12 mm. น้ำหนักต่อม้วนตั้งแต่ 250 kg - 2500 kg 2.เหล็กกล้าคาร์บอนสูง (High Carbon Steel) ที่เรียกว่า ลวดเหล็กกล้าดึงเย็นเสริมคอนกรีตอัดแรง หรือ PC WIRE , PC STRAND นั่นเอง มักใช้กับงานแผ่นพิ้น เสาเข็ม เสาไฟฟ้า หมอนรองรางรถไฟ และคานสะพาน เป็นต้น และสามารถผลิต PC WIRE ได้ตั้งแต่ขนาด 4-9 mm. และ PC STRAND ขนาด 9.3 , 9.5 , 12.7 และ 15.2 mm.
06-05-2025
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) 1. บริษัท SIW ผลิตสินค้าอะไรบ้าง?บริษัท สยามลวดเหล็กอุตสาหกรรม จำกัด (SIW) เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ลวดเหล็กอัดแรงคุณภาพสูงสำหรับงานก่อสร้างและอุตสาหกรรม โดยมีผลิตภัณฑ์หลักดังนี้: PC Strand: ลวดเหล็กแรงดึงสูงชนิดกลุ่ม (7 เส้น) สำหรับงานคอนกรีตอัดแรง เช่น สะพาน โครงสร้างอาคาร และแผ่นพื้นสำเร็จรูป PC Wire: ลวดเหล็กแรงดึงสูงแบบเส้นเดี่ยว เหมาะสำหรับงานคอนกรีตอัดแรงขนาดเล็ก เช่น เสาเข็ม แผ่นพื้น Wire Mesh: ตะแกรงเหล็กเชื่อมสำเร็จรูป ใช้เสริมแรงในงานคอนกรีตทั่วไป เช่น พื้นถนน พื้นอาคาร Cold Drawn Wire: ลวดเหล็กกล้าคาร์บอนต่ำ ใช้ในงานเสริมคอนกรีต และแปรรูปต่อ เช่น ลวดผูกเหล็ก Spring Wire: ลวดสปริงคุณภาพสูงสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องจักรกล 2. สินค้าของ SIW ได้รับการรับรองมาตรฐานใดบ้าง?ผลิตภัณฑ์ของ SIW ผ่านการรับรองคุณภาพระดับสากลมากกว่า 70 ประเทศทั่วโลก เช่น: มาตรฐานอุตสาหกรรมไทย (TIS หรือ มอก.) ASTM จากสหรัฐอเมริกา JIS จากประเทศญี่ปุ่น ISO/IEC 17025 จาก NATA (ออสเตรเลีย) สำหรับศูนย์ทดสอบภายใน อ่านเพิ่มเติม: https://www.siw.co.th/th/iso-standard 3. SIW มีบริการทดสอบผลิตภัณฑ์หรือไม่?มีบริการศูนย์ทดสอบที่ทันสมัยซึ่งได้รับการรับรอง ISO/IEC 17025 จาก NATA (ออสเตรเลีย) ประกอบด้วย: Fatigue Testing Machine: เครื่องทดสอบความล้าของวัสดุ Relaxation Testing Machine: เครื่องทดสอบการผ่อนคลายของลวดรองรับการทดสอบตามมาตรฐานต่างประเทศ เช่น AS/NZS, ASTM, BS, ISO, JIS และ มอก. อ่านเพิ่มเติม: https://www.siw.co.th/th/news-detail/testing-services 4. SIW มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมนี้มานานแค่ไหน?SIW ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2537 มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในการผลิตลวดเหล็กเส้น โดยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมการร่วมทุนกับบริษัทชั้นนำ เช่น Nichia Steel Works (ญี่ปุ่น) และการเป็นส่วนหนึ่งของ Tata Steel Group 5. ลูกค้าของ SIW อยู่ในประเทศใดบ้าง?SIW มีลูกค้าและพันธมิตรในหลายภูมิภาคทั่วโลก เช่น: ประเทศไทย ออสเตรเลีย ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และอีกกว่า 60 ประเทศที่ให้ความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าและบริการ อ่านเพิ่มเติม: https://www.siw.co.th/th/iso-standard 6. SIW มีนโยบายด้านความยั่งยืนและความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างไร?SIW ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน โดยดำเนินโครงการเพื่อสังคมอย่างต่อเนื่อง ได้แก่: สนับสนุนผู้พิการและผู้สูงอายุในชุมชน โครงการ SIW We Care ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่มีความประพฤติดี โครงการ SIW English Camp พัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ โครงการปลูกป่า “ปลูกป่า ปลูกชีวิต ถวายในหลวง” ตลาดนัดสีเขียว สนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่นและวิถีชุมชน อ่านเพิ่มเติม: https://www.siw.co.th/th/sustainability 7. สามารถติดต่อ SIW ได้อย่างไร?ติดต่อบริษัทได้ทางช่องทางต่อไปนี้: เว็บไซต์: www.siw.co.th ที่อยู่: บริษัท สยามลวดเหล็กอุตสาหกรรม จำกัด สำนักงานใหญ่ - 555 รสา วัน (อาคาร เอ) ชั้น 14 ถนนพหลโยธนิ แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900 โรงงาน - 160 ม.11 ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง 21120 ประเทศไทย โทรศัพท์: +66 2937 0060 อีเมล: marketing@siw.co.th 8. SIW มีโปรเจกต์ในประเทศอะไรบ้าง?SIW มีส่วนร่วมในโครงการก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ เช่น: รถไฟฟ้าและระบบราง ทางด่วนและสะพานข้ามแม่น้ำ อาคารสูงและโครงการอสังหาริมทรัพย์ โรงงานอุตสาหกรรมและคลังสินค้า อ่านเพิ่มเติม: https://www.siw.co.th/th/project 9. SIW มีโปรเจกต์ต่างประเทศอะไรบ้าง?SIW ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปใช้ในโครงการระดับนานาชาติ เช่น: โครงการสะพานและท่าเรือในออสเตรเลีย อาคารพาณิชย์ในไต้หวัน โครงสร้างพื้นฐานในฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ระบบขนส่งสาธารณะในตะวันออกกลาง อ่านเพิ่มเติม: https://www.siw.co.th/th/project 10. ช่องทางสั่งซื้อสินค้ามีอะไรบ้าง?ลูกค้าสามารถขอใบเสนอราคาได้ที่: กรอกแบบฟอร์มผ่านเว็บไซต์: https://www.siw.co.th/th/contact-us ส่งอีเมลมาที่: marketing@siw.co.th โทรติดต่อผ่านฝ่ายขายโดยตรง 11. หากลวดมีปัญหา เคลมได้อย่างไร?ลูกค้าสามมารถแจ้งข้อร้องเรียนของเคลมสินค้าได้ที่: กรอกแบบฟอร์มผ่านเว็บไซต์: https://www.siw.co.th/th/contact-us ส่งอีเมลมาที่: marketing@siw.co.th โทรติดต่อผ่านฝ่ายขายโดยตรง โทรติดต่อผ่านฝ่ายบริการเทคนิค เช็คสถานะออนไลน์ผ่านระบบ LINE Official Account: https://lin.ee/AJotXBNI 12. เช็คสถานะสินค้าได้อย่างไร?ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะสินค้าได้โดย: โทรติดต่อผ่านฝ่ายขายโดยตรง โทรติดต่อผ่านฝ่ายบริการเทคนิค เช็คสถานะออนไลน์ผ่านระบบ LINE Official Account: https://lin.ee/AJotXBNI
08-06-2022
ผ่นพื้นสำเร็จรูปแบบกลวง หรือ (HOLLOW CORE) คือระบบแผ่นพื้นคอนกรีตอัดแรงแบบกลวง ผลิตจากคอนกรีตแห้งหรือ NO SLUMP CONCRETEที่มีกำลังอัดสูงถึง 350 กก/ตร.ซม. เสริมด้วยลวดเหล็กแรงดึงสูง ( PC WIRE ) หรือ ลวดเหล็กกล้าตีเกลียว ( PC STRAND ) สามารถผลิตความหนาได้ตั้งแต่ 6 ซม. ไปจนถึง 30 ซม. แผ่นพื้นสำเร็จรูปแบบกลวง (HOLLOW CORE) เหมาะสำหรับงานก่อสร้างอาคารประเภทต่างๆ เช่น อาคารพักอาศัย อาคารสำนักงาน ,โรงงานอุตสาหกรรม และห้างสรรพสินค้าโดยที่มี ความสามารถในการรับน้ำหนักบรรทุกปลอดภัยและ มีขนาดความกว้างและหนาให้เลือก ตามความเหมาะสมของการใช้งาน ส่วนความยาวนั้นสามารถผลิตได้ตามความต้องการ ที่จะนำไปใช้งาน สำหรับข้อดีที่เป็นจุดเด่นเลยของการใช้งานแผ่นพื้นสำเร็จรูปแบบกลวง (HOLLOW CORE) ก็คือ 1.น้ำหนักเบาช่วยประหยัดโครงสร้าง เช่น เสา, คาน , ฐานราก 2.แข็งแรง เพราะผลิตจากคอนกรีตกำลังอัดสูงทำให้แผ่นพื้น มีความทนทาน และคุณภาพสูง 3.รวดเร็วผลิตสำเร็จจากโรงงานลดเวลางานในการผูกเหล็กได้ 4.ประหยัด สะดวกไม่ต้องใช้ค้ำยันชั่วคราว และสิ่งที่จะขาดไม่ได้ และเป็นหัวใจสำคัญในการผลิต แผ่นพื้นสำเร็จรูปแบบกลวง (HOLLOW CORE) ที่จะทำให้ มีความแข็งแรงมากขึ้นนั้น จำเป็นต้องมี ลวดเหล็กกล้าเสริมคอนกรีตอัดแรง PC WIRE , PC STRAND ที่ใช้ในการผลิตแผ่นพื้นสำเร็จรูปแบบกลวง (HOLLOW CORE) และทางสยามลวดเอง ก็มีสินค้า PC WIRE และ PC STRAND ที่มีมาตรฐาน มอก.95-2540 และ 420-2540 ที่ได้รับความไว้วางใจ และเป็นที่ยอมรับมากกว่า 50 ประเทศทั่วโลก
05-07-2023
เสาเข็มควรเจาะลึกแค่ไหน? บ้านจึงปลอดภัยเสาเข็มเป็นส่วนสำคัญที่ใช้ในการรับน้ำหนักและถ่ายน้ำหนักของอาคารไปชั้นดิน การถ่ายน้ำหนักของเสาเข็มนั้นเกิดขึ้นระหว่างแรงเสียดทานระหว่างดินกับพื้นผิวของเสาเข็ม หรือโดยการถ่ายแรงโดยตรงไปยังชั้นดินหรือหินแข็ง วัตถุประสงค์หลักของการใช้เสาเข็มคือป้องกันอาคารหรือบ้านให้มีเสถียรภาพหรือทรุดลงในดินเสาเข็มที่ใช้ในอาคารขนาดเล็กจะเป็นเสาเข็มที่มีความยาวไม่มากและจำนวนไม่มาก แต่ในอาคารขนาดใหญ่ก็จะใช้เสาเข็มจำนวนมากขึ้นหรือเสาเข็มที่ยาวมากขึ้นเพื่อให้สามารถถ่ายน้ำหนักลงไปยังชั้นดินที่ลึกและรับน้ำหนักแบกทานได้มากขึ้น ถ้าเสาเข็มยาวถึงระดับชั้นดินแข็ง เสาเข็มจะสามารถรับน้ำหนักจากอาคารและถ่ายลงสู่ชั้นดินแข็งโดยตรง เสาเข็ม สามารถรับน้ำหนักได้อย่างไรเสาเข็มรับน้ำหนักที่กดทับได้ด้วยแรง 2 ชนิดหลักๆ คือ “แรงเสียดทานที่ผิวของเสาเข็ม (Skin friction)”และ “แรงต้านที่ปลายเสาเข็ม (End Bearing)”1. แรงเสียดทานที่ผิวของเสาเข็ม (Skin Friction) แรงต้านที่เกิดจากแรงเสียดทานระหว่างผิวของเสาเข็มกับดินโดยรอบ ซึ่งแรงที่เกิดขึ้นนี้จะมาก หรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับชนิดของดินแต่ละชนิด (ดินแต่ละชนิดจะมีสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานผิวต่างกัน) และลักษณะผิวของเสาเข็มแต่ละประเภท2. แรงต้านจากชั้นดินแข็ง (End Bearing คือ แรงต้านที่เกิดขึ้นบริเวณปลายเสาเข็ม ซึ่งแรงนี้เกิดจากดินที่มารองรับที่ปลาเสาเข็ม แรงนี้จะมีปริมาณมาก หรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับชนิดของดินเช่นกันดินที่มีช่องว่างระหว่างเนื้อดินมาก (Void) ก็จะมีความสามารถในการับน้ำหนักน้อย (ดินทรุดตัวเมื่อมีน้ำหนักมากระทำ)โดยคุณสมบัติเฉพาะของดินแต่ละชนิด ส่งผลให้มีช่องว่างระหว่างเนื้อดินไม่เหมือนกัน ดินเหนียวจะมีช่องว่างระหว่างเนื้อดินมาก (ดินหลวม)จึงรับน้ำหนักได้น้อย แต่ทรายละเอียดจะมีช่องว่างระหว่างอนุภาคน้อย (ดินอัดแน่น) จึงรับน้ำหนักได้มาก ในการออกแบบเสาเข็มโดยทั่วไปนั้นหากเป็นเสาเข็มแบบ Skin friction pile จะไม่คำนึงว่าปลายเสาเข็มอยู่ที่ชั้นดินประเภทไหน แต่จะให้ความสำคัญเรื่องขนาดและความยาวเสาเข็มที่เพียงพอจะทำให้เกิดแรงฝืดรอบผิวเสาเข็มเพื่อรับน้ำหนักที่กระทำเสาเข็มแบบ End bearing pileออกแบบให้เสาเข็มมีขนาดและความยาวที่ให้ปลายเสาเข็มนั่งอยู่บนชั้นทรายอัดแน่น ประเภทของเสาเข็มที่ใช้ในการสร้างบ้านและอาคารสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ตามลักษณะการผลิตและการใช้งานดังนี้:1. เสาเข็มสปัน (เสาเข็มกลมแรงเหวี่ยงอัดแรง): เป็นเสาเข็มที่ผลิตโดยการปั่นคอนกรีตในแบบหล่อซึ่งหมุนด้วยความเร็วสูง ทำให้เนื้อคอนกรีตมีความหนาแน่นสูงและแข็งแกร่ง โดยมีโครงสร้างลวดเหล็กที่อัดแรงฝังอยู่ในเนื้อคอนกรีต เสาเข็มสปันสามารถตอกหรือเจาะได้หลายแบบ ช่วยลดการสั่นสะเทือนเวลาตอกและลดแรงดันของดินในขณะตอก มีขนาดและความยาวหลากหลาย เหมาะสำหรับใช้เป็นฐานรากของอาคารสูงที่ต้องการความแข็งแกร่งเพื่อป้องกันปัญหาลมแรงและแผ่นดินไหว2. เสาเข็มเจาะ: เสาเข็มเจาะใช้กรรมวิธีที่ยุ่งยากและซับซ้อนกว่าเสาเข็มสปัน โดยต้องเจาะดินและใส่เหล็กเสริมและคอนกรีตในสถานที่ที่จะใช้งานจริง มีความยาวและขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตามที่กำหนด ใช้สำหรับงานที่ต้องการความแข็งแกร่งสูง3. เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง: เสาเข็มคอนกรีตอัดแรงผลิตโดยวางคอนกรีตเข้าไปในแม่พิมพ์ที่มีลวดเหล็ก PC Wire เสริมฝังอยู่ จากนั้นคอนกรีตจะถูกอัดแรงเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง เสาเข็มคอนกรีตอัดแรงใช้ในงานสร้างที่ต้องการความแข็งแกร่งและความทนทานต่อสภาพแวดล้อม และทางสยามลวดเอง ก็มี PC WIRE มอก. 95-2540 และ PC STRAND มอก. 420-2540 ที่ใช้เป็นหัวใจหลักของการผลิตเสาเข็มคอนกรีตอัดแรง ที่ได้รับการยอมรับ กว่า 50 ประเทศทั่วโลก รวมไปถึงบริการหลังการขายให้กับลูกค้าฟรี เช่น การเข้าไปสอบเทียบเครื่องดึงลวดให้ถึงหน้างานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อลูกค้ามั่นใจในการใช้งานลวดอัดแรงของ สยามลวดเหล็กฯPC Wire: https://www.siw.co.th/th/product-detail/pc-wirePC Strand: https://www.siw.co.th/th/product-detail/pc-strand
10-10-2022
คอนกรีตอัดแรงคืออะไร? หลายท่านอาจยังไม่คุ้นกับคำว่า คอนกรีตอัดแรง ว่าคืออะไร คอนกรีตอัดแรงคือส่วนผสมระหว่างคอนกรีตกำลังสูงและ (ลวดเหล็กกล้าเสริมคอนกรีตอัดแรง หรือ PC WIRE และ PC STRAND) การรวมกันนี้ทำให้เกิดเป็น คอนกรีตอัดแรงที่มีแข็งแรงมาก ในสมัยก่อน ก่อนที่จะมีคอนกรีตอัดแรง คานคอนกรีตธรรมดาถึงแม้จะความแข็งของคอนกรีตเพื่อรับน้ำหนักของมันเอง แล้วก็ตาม แต่เมื่อมีการโหลดน้ำหนักเพิ่ม เช่น การวางตู้ ชั้น หรือสิ่งของต่างๆ ตัวคอนกรีตเองมีการรับน้ำหนักเพิ่มก็จะมีรอยร้าวเป็นของคอนกรีตเกิดขึ้นมา เมื่อเวลาผ่านไปรอยร้าวเหล่านี้จะใหญ่ขึ้นและในที่สุดคอนกรีตมีการขยายตัวและทำให้คอนกรีตแตกหักได้ สาเหตุเหล่านี้เป็นต้นเหตุที่ทำให้คอนกรีตอัดแรงถูกคิดค้นขึ้น ประวัติย่อ: พ.ศ. 2429 P.H. Jackson วิศวกรชาวอเมริกัน ได้จดทะเบียนการก่อสร้างแผ่นพื้นคอนกรีตโดยการขันท่อนเหล็กเพื่อยึดพื้นคอนกรีตเข้าด้วยกัน ซึ่งวิธีการนี้ยังไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างสูงขึ้น พ.ศ. 2431 C.E.W. Doehring วิศวกรชาวเยอรมัน ได้จดทะเบียนการก่อสร้างแผ่นพื้นคอนกรีตโดยการอัดแรงก่อนการรองรับน้ำหนักบรรทุกในประเทศเยอรมัน พ.ศ. 2451 CHARLES R. STEINER วิศวกรชาวอเมริกัน ได้ขอจดทะเบียนการก่อสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก โดยวิธีการขันน็อตเพื่อดึงเหล็กในขณะที่คอนกรีตกำลังเริ่มแห้งโดยวิธีการนี้ ก็ไม่ได้รับความนิยมอีกเช่นกัน พ.ศ. 2468 R.E. Dill ได้เสนอวิธีการใหม่คือ การใช้การเคลือบเหล็กด้วยสารที่ไม่ทำให้คอนกรีตเกาะกับเหล็ก ซึ่งเมื่อคอนกรีตหดตัวลงก็จะไม่ทำให้เหล็กนั้นหดตามลงไปด้วย ซึ่งวิธีการนี้ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการใช้สารเคลือบเหล็กมากขึ้นไปอีก พ.ศ. 2471 E. Ereyssinet วิศวกรชาวฝรั่งเศส เริ่มใช้ลวดเหล็กซึ่งกำลังประลัยสูง 17,500 กก. ต่อตารางเซนติเมตร ในการผลิตคอนกรีตอัดแรง วิธีผลิตคอนกรีตอัดแรง: 1.Pre-Tension ดึงลวดอัดแรงก่อนการเทคอนกรีต เช่น เสาเข็ม คานสำเร็จรูป พื้นสำเร็จรูป และเสาไฟฟ้า เป็นต้น วิธีนี้เรียกว่าการอัดแรง เป็นวิธีก่อสร้างคอนกรีตอัดแรงที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบัน คอนกรีตอัดแรงชนิดดึงลวดเหล็กก่อน มีหลักการง่ายๆว่าจะต้องมีแท่นซึ่งมีหัวแท่นที่แข็งแรงสองหัวอยู่ห่างกันพอสมควร ก. ใช้ลวดเหล็กแรงดึงสูง เช่น PC Wire และ PC Strand ร้อยผ่านหัวแท่น แล้วใช้แม่แรงหรือแจ็คดึงลวดเหล็กให้ยึดออกด้วยแรงประมาณ 70-80% ของกำลังสูงสุดของลวดเหล็กกล้า และใช้อุปกรณ์จับยึดลวดไว้ ข. เสร็จแล้วจึงเทคอนกรีต ลงในแบบให้หุ้มลวดเหล็กแรงดึงสูง หรือลวด PC Wire และ PC Strand ไว้เมื่อบ่มคอนกรีตจนมีกำลังความแข็งแรงประมาณ 70-80% ของกำลังความแข็งที่มีอายุ 28 วัน ค. แล้วจึงตัดลวดเหล็กแรงดึงสูง หรือลวด PC Wire และ PC Strand ให้หลุดจากแท่น ลวดเหล็กกล้าซึ่งถูกดึงทิ้งไว้ก็จะพยายามหดตัวมาสู่สภาพเดิม แต่คอนกรีตที่จับยึดยึดลวดไว้ตลอดความยาวก็จะต้านทานการหดตัวของลวดเหล็ก ทำให้คอนกรีตถูกลวดเหล็กอัดไว้ด้วยแรงอัด ชิ้นส่วนประเภทคอนกรีตอัดแรงชนิดดึงเหล็กก่อน ได้แก่ เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง, เสาไฟฟ้าคอนกรีตอัดแรง, คานสะพาน, พื้นคอนกรีตสำเร็จรูป ซึ่งชิ้นส่วนของคอนกรีตเหล่านี้ จะต้องผลิตในโรงงานแล้วขนส่งไปใช้งานที่หน่วยงานก่อสร้าง การใช้คอนกรีตอัดแรงแทนที่คอนกรีตเสริมเหล็ก จะทำให้ชิ้นส่วนคอนกรีตเหล่านี้มีขนาดเล็กลง มีน้ำหนักน้อยลง ซึ่งจะช่วยให้การขนย้ายสะดวกมากขึ้น 2.Post-Tension Slab ดึงลวดอัดแรงหลังการเทคอนกรีต เช่น พื้นแผ่นเรียบไร้คาน (Flat Plate) คานสะพาน (Girder) เป็นต้น คอนกรีตอัดแรงชนิดดึงลวดเหล็กทีหลัง เป็นระบบที่พัฒนาต่อจากระบบแรกเพื่อแก้ปัญหาในกรณีที่ต้องการคอนกรีตอัดแรงชิ้นใหญ่ ๆ เราอาจไม่สามารถขนส่ง, ยกหรือเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนนั้นได้ เช่น สะพานช่วงยาวๆ พื้นอาคารขนาดใหญ่ๆ กรณีเช่นนี้ เราจะต้องเตรียมวางท่อเหล็กหรือท่อพลาสติกซึ่งร้อยลวดเหล็กกล้ากำลังสูงไว้ภายใน คอนกรีตอัดแรงชนิดดึงลวดเหล็กทีหลัง จะเริ่มต้นโดยการหล่อคอนกรีตในไม้แบบที่ได้ติดตั้งไว้ โดยจะต้องมีการฝังท่อสำหรับร้อยเหล็กเสริม (hollow duct) ในตำแหน่งที่ออกแบบไว้ โดยปกติลวดเหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรง (PC STRAND) จะถูกร้อยผ่านในท่อไว้ โดยยังไม่ดึงลวดเหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรง (PC STRAND) ก่อนการเทคอนกรีต (บางครั้งสามารถร้อยลวดเหล็กผ่านท่อหลังจากคอนกรีตแข็งตัวแล้ว) หลังจากเทคอนกรีตแล้ว เมื่อคอนกรีตมีกำลังสูงถึงค่าที่ต้องการ จึงทำการดึงลวดเหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรง (PC STRAND) การดึงลวดเหล็กอาจดึงเพียงข้างเดียว หรือดึงทั้งสองข้าง ขณะทำการดึงจะยึดปลายข้างหนึ่งไว้และดึงที่ปลายอีกข้างหนึ่ง (ในกรณีที่ออกแบบให้ดึงที่ปลายทั้งสองข้างจะทำการดึงทีละข้าง) โดยเมื่อดึงปลายข้างหนึ่งเสร็จแล้ว ก็จะสลับมาดึงปลายอีกข้างหนึ่ง เมื่อดึงแล้วจะทำการยึดปลายด้านให้ตึง โดยใช้อุปกรณ์ยึดปลาย ลวดเหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรง (PC STRAND) จึงถูกดึงค้างไว้บนคอนกรีตทำให้เกิดแรงอัดในคอนกรีต เมื่ออัดแรงเสร็จแล้วขั้นตอนต่อไปคือการอัดน้ำปูน (grouting) เข้าไปในท่อที่ร้อยลวดเหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรง (PC STRAND) น้ำปูนที่เข้าไปในท่อ ทำให้เกิดแรงยึดเหนี่ยวระหว่างเหล็กลวดเหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรงกับคอนกรีต การควบคุมรอยแตกร้าว (crack) จึงทำได้ดีขึ้น และเพิ่มกำลังประลัย (ultimate strength) ให้สูงขึ้น น้ำปูนที่หุ้มลวดเหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรง (PC STRAND) จะช่วยป้องกันการกัดกร่อนของลวดเหล็กเสริมคอนกรีตอัดแรง (PC STRAND) ได้อีกด้วย ตัวอย่างสินค้าที่ใช้ในงานคอนกรีตอัดแรง เช่น คานสะพาน เสาเข็ม คานสำเร็จรูป พื้นสำเร็จรูป เสาไฟฟ้า แผ่นพื้น หมอนรองรถไฟ เป็นต้น และทางสยามลวดเอง ก็มี PC WIRE มอก. 95-2540 และ PC STRAND มอก. 420-2540 ที่ใช้เป็นหัวใจหลักของการผลิตคอนกรีตอัดแรง ที่ได้รับการยอมรับ กว่า 50 ประเทศทั่วโลก รวมไปถึงบริการหลังการขายให้กับลูกค้าฟรี เช่น การเข้าไปสอบเทียบเครื่องดึงลวดให้ถึงหน้างานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อลูกค้ามั่นใจในการใช้งานลวดอัดแรงของ สยามลวดเหล็กฯ PC Wire: https://www.siw.co.th/th/product-detail/pc-wire PC Strand: https://www.siw.co.th/th/product-detail/pc-strand
15-01-2025
ผู้นำ Gen Y บทบาทที่เปลี่ยนแปลงอนาคตองค์กร คุณณพิชเศรษฐ์ ไชยนาพงศ์ ผู้จัดการแผนกวางแผนความต้องการขายและตลาด ที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรสู่ความสำเร็จ “การที่ผมเติบโตมาในช่วงกลางของ Gen Y ทำให้ผมได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยี จากยุคอนาล็อกเข้าสู่ดิจิทัลอย่างสมบูรณ์ในปัจจุบัน ประสบการณ์นี้หล่อหลอมวิธีคิด และเป็นพื้นฐานสำคัญในการทำงานของผมมาจนถึงวันนี้ ในมุมมองของผม การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่มันคือสิ่งจำเป็น ผมจำได้ดีว่าช่วงแรกที่เข้ามาทำงานที่ SIW เราใช้เอกสารกระดาษเป็นหลัก จนบางครั้งเอกสารกองจนแทบไม่มีที่เก็บ แต่ในวันนี้ เราเห็นความแตกต่างไปอย่างมาก เอกสารหลายตัวไม่จำเป็นต้องพิมเป็นกระดาษอีกต่อไป และถูกนำเข้าสู่ระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงสถิติเพื่อหาความต้องการตลาด รวมไปถึงศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น ผลลัพธ์คือการตัดสินใจที่แม่นยำและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น อีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรงและสำคัญไม่แพ้กันคือ “ความยั่งยืน” ซึ่งในมุมมองของผม มันไม่ได้เป็นเพียงคำพูดสวยหรู แต่คือความรับผิดชอบระดับสากลที่ทุกองค์กรควรให้ความสำคัญ SIW ได้พัฒนากลยุทธ์ด้านความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การควบคุมปริมาณการปล่อยคาร์บอน การริเริ่มโครงการ “วันไร่ฟาร์ม” และการจัดกิจกรรม CSR ที่สร้างความร่วมมือกับชุมชน เราคิดมาเสมอว่าเราต้องเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบต่อชุมชนและโลกของเราด้วย ในฐานะคน Gen Y ผมมองว่า SIW เรามีข้อได้เปรียบจาก Genaration Gap กล่าวคือ เรามีไอเดียที่สดใหม่จากน้องๆ ในทีม และได้รับประสบการณ์อันล้ำค่าจากพี่ๆ ความสำเร็จขององค์กรไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง แต่คือการผสานพลังของทุกเจเนอเรชันเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆโดยไม่ลืมสิ่งเก่าๆ และพัฒนาต่อไปอย่างยั่งยืน ท้ายที่สุด ผมเชื่อว่า การทำงานในยุคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ต้องอาศัยทั้งความยืดหยุ่น การเปิดใจรับฟัง และความร่วมมือจากทุกฝ่าย ด้วยความมุ่งมั่นของพวกเราทุกคน ผมมั่นใจว่า SIW จะสามารถก้าวผ่านทุกความท้าทาย และเติบโตอย่างมั่นคงในโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”
08-06-2022
ที่เราๆท่านๆ รู้จักตะแกรงเหล็กกันดีอยู่แล้ว แต่ทราบหรือไม่ว่านอกจากตะแกรงเหล็ก ที่นำไปใช้ปูพื้นถนน หรืออาคารรวมถึงผนัง Precast แล้ว ตะแกรงเหล็ก ของสยามลวดเหล็ก ก็ยังมี ตะแกรงที่ชุบกัลวาไนซ์ ที่สามารถนำไปปูรอง ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคาได้อีกด้วย ซึ่งทางสยามลวดเอง สามารถผลิตเป็นแผ่น ตามขนาดที่ลูกค้าต้องการแล้วนำไปวางใช้งานได้เลย ได้ทั้งความสะดวกสบาย และรวดเร็ว ในการทำงาน แบบนี้งานเสร็จเร็วแน่นอน
07-08-2023
สนิมผิวและสนิมขุมต่างกันอย่างไร?สนิมผิว คือ สนิมที่เกาะที่ผิวของเหล็กผิวของเหล็กนั้นยังไม่ถูกกัดกร่อนจนขรุขระหรือเป็นหลุมกินเนื้อเหล็กเข้าไปจากผิวไม่ทำให้เกิดความเสียหายสนิมขุม คือ สนิมซึ่งเกิดที่ผิวโลหะเป็นเวลานานแล้วทำให้ผิวโลหะโดนกัดลึกเข้าไปในเนื้อเหล็กทำให้เนื้อเหล็กเกิดความเสียหายจนไม่สามารถนำมาใช้งานได้กลไกลการเกิดสนิมเมื่อโลหะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันหรือถูกออกซิไดซ์ จะมีการกร่อนของโลหะนั้นๆ เกิดขึ้น ดังนั้นหลักของการป้องกันการกร่อนก็คือ การป้องกันไม่ให้โลหะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันนั่นเองโลหะที่มีค่าครึ่งเซลล์รีดักชันสูงที่สุดได้แก่ ทองคำจะสามารถทนต่อการกร่อนได้มากที่สุด ทองคำจึงเป็นโลหะมีค่า แพลตินัม เงิน และทองแดงที่มีค่าครึ่งเซลล์รีดักชันเป็นบวกก็มีความสามารถทนต่อการกร่อนได้ดีรองลงมา ส่วนโลหะอื่น ๆ ก็จะเป็นโลหะที่ถูกออกซิไดซ์ได้ง่าย นั่นคือมีโอกาสกร่อนได้ง่ายกว่า ตัวอย่างการกร่อนที่พบได้บ่อยและชัดเจนคือการเกิดสนิมเหล็กหรือการเกิดออกไซด์ของเหล็ก เหล็กเป็นสนิมได้ก็ต่อเมื่อมีแก๊สออกซิเจนและน้ำอยู่ด้วย ปฏิกิริยาการเกิดสนิมเหล็กค่อนข้างซับซ้อนและมีลักษณะเฉพาะตัว แต่เชื่อว่ามีขั้นตอนที่สำคัญ คือปฏิกิริยาออกซิเดชันเกิดขึ้นเมื่อพื้นผิวส่วนหนึ่งของเหล็กทำหน้าที่เป็นแอโนด ดังสมการ Fe(s) Fe2+(aq) + 2e- ออกซิเจนถูกรีดิวซ์ที่ผิวอีกส่วนหนึ่งของเหล็กซึ่งทำหน้าที่เป็นแคโทด เมื่อมีน้ำอยู่ด้วย ดังสมการ 2O2 (g) + 4H2O(l) + 8e- 8OH-(aq) และมีปฏิกิริยาต่อเนื่องต่อไปคือ 4Fe2+(aq) + 8OH-(aq) 4Fe(OH)2 (aq)ที่มา: https://il.mahidol.ac.th/e-media/electrochemistry/web/electrochem04.htm
เรามุ่งมั่นที่จะเป็นเลิศในด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมอย่างไม่หยุดยั้ง และเรายังมุ่งเน้นบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์พิเศษเหนือความคาดหมาย